ปัจจุบันการสอบ USMLE นั้นเป็นการสอบกับคอมพิวเตอร์ทั้งหมด (Computer based testing : CBT) ซึ่งรับผิดชอบโดยสถาบันที่ชื่อว่า Sylvan Prometric ซึ่งสถาบันนี้รับจัดสอบมากมายหลายประเภท ใครที่เคยสอบ GRE หรือ GMAT ที่เป็นคอมพิวเตอร์ หรือสอบ TOEFL แบบคอมพิวเตอร์คงจะคุ้นเคยดี ศูนย์สอบของ Sylvan Prometric นี้มีหลายร้อยแห่งทั่วโลก
สำหรับเมืองไทยนั้นตั้งอยู่ที่อาคารซิตี้แบงค์ ถนนสาทร ในการสอบแต่ละ Step จะใช้เวลาสอบ 1 วัน สำหรับ Step 1 ใช้เวลาสอบราว 8 ชม. และ Step 2 ราว 9 ชม. ก่อนสมัคร เราจะต้องเลือกช่วงเวลาสอบเสียก่อนว่าจะสอบช่วงใด ช่วงการสอบหรือ eligibility peroid จะแบ่งย่อยออกเป็นช่วงละ 3 เดือน เมื่อเราสมัครสอบช่วงใดแล้วจะสอบได้ในช่วงนี้เท่านั้น แต่สามารถจะเลือกสอบวันใดก็ได้ที่สถาบันจัดสอบเปิดให้ในช่วงนั้น ซึ่งจะต้องแจ้งศูนย์สอบก่อนอย่างน้อย 5 วันทำการ
ถ้าต้องการสมัครเพื่อสอบทั้ง Step 1 และ 2 ก็สามารถเลือกสอบใน peroid เดียวกันหรือต่างกันก็ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครจะไม่สามารถเลือกช่วงสอบที่เริ่มการสอบในขณะที่สมัครได้ และ ECFMG กำหนดให้เลือกช่วงการสอบที่เริ่มหลังจากวันที่สมัครไปอย่างน้อย 4 สัปดาห์เพื่อใช้เวลาในการจัดวันสอบ ถ้าผู้สมัครเลือกช่วงการสอบที่ไม่สามารถจัดสอบให้ทัน ECFMG จะเลื่อนช่วงการสอบไปยังช่วงถัดไปโดยอัตโนมัติ สำหรับผู้ที่สอบไม่ผ่าน ECFMG อนุญาตให้สมัครเพื่อสอบซ้ำอีกหลังการสอบครั้งสุดท้ายไม่น้อยกว่า 60 วัน และไม่อนุญาตให้สอบซ้ำมากกว่า 3 ครั้งในช่วงเวลา 12 เดือน เมื่อสอบ Step ใดผ่านแล้ว ผู้สอบจะมีเวลาสอบ 7 ปีในการสอบอีก Step ให้ผ่าน
นอกจากการสอบ USMLE ทั้ง 2 Step แล้วยังมีการสอบภาษาอังกฤษที่ทุกคนคุ้นเคยดีคือ TOEFL ซึ่งจะเลือกสอบก่อนหรือหลังก็ได้ โดยก่อนเริ่มสอบต้อง request ให้ส่งคะแนนสอบไปยัง ECFMG หมายเลขสถาบัน 9108 และส่งใบ TOEFL Acceptance request form พร้อมค่าธรรมเนียม 40 เหรียญไปยัง ECFMG
ค่าสมัครสอบ USMLE สำหรับปี 2003 นั้นประกอบด้วย 1. ค่าสมัครสอบ Step 1 และ 2 Step ละ 660 เหรียญ 2. ค่าธรรมเนียมสำหรับศูนย์สอบของ Sylvan Step 1 เท่ากับ 110 เหรียญ และ Step 2 เท่ากับ 120 เหรียญ นับว่ามากพอดู ถ้ารวมกับค่าสมัครสอบ TOEFL อีก 110 เหรียญ และค่า TOEFL Acceptance fee อีก 40 เหรียญ รวมแล้วเท่ากับ 660+660+110+120+120+40 = 1,710 เหรียญ (ราว 7 หมื่นบาทเศษ) ซึ่งยังไม่รวมค่าสมัครสอบ CSA และค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาสอบอีก
ดังนั้น ผู้ที่คิดจะสอบต้องมีความแน่วแน่ และคิดอย่างรอบคอบ มีจุดมุ่งหมาย การสอบครั้งหนึ่งเสียเงินหลายหมื่นบาท ถ้าสอบตามแฟชั่นเพราะเห็นเขาก็สอบกัน ก็เสียเงินเสียเวลาเปล่า ทีนี้เมื่อสมัครแล้ว จะเตรียมสอบกันยังไง ? สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการใช้คอมพิวเตอร์ กลัวว่าไปสอบจริง ก็จะเสียเวลาเรียนรู้ ใช้ไม่เป็น ฯลฯ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เนื่องจาก ECFMG จะจัดส่ง CD ตัวอย่างการทดสอบให้ได้เรียนรู้วิธีใช้และฝึกฝนการสอบกับคอมพิวเตอร์หลังจากได้สมัครสอบแล้ว
บทที่ 5 USMLE Step 1 & 2
การสอบ USMLE Step 1 ประกอบด้วยข้อสอบที่เรียกว่า Basic medical science ครอบคลุมเนื้อหาในวิชาปรีคลินิคทั้งหมด ได้แก่ Anatomy, Biochemistry, Physiology, Pathology, Pharmacology, Microbiology, Immunology และวิชาที่เรียกว่า behavioral science. ลักษณะข้อสอบส่วนใหญ่เน้นทั้งรายละเอียดและการประยุกต์ใช้ ในปัจจุบันจะมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับระดับอณูมากขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตามจากประสบการณ์การสอบและที่ได้แนะนำรุ่นน้อง ๆ ในการสอบ รวมทั้งคำบอกเล่าของผู้ที่ได้ผ่านการสอบมาแล้ว USMLE Step 1 สามารถเตรียมสอบได้โดยการอ่านหนังสือชั้นปรีคลินิคที่เรียนในชั้นเรียนได้ สำหรับวิชา Anatomy นั้นจะมีในข้อสอบไม่มากนัก และเน้นเกี่ยวกับ cell biology เกือบทั้งหมด ส่วน Biochemistry, Physiology, Microbiology, Immunology และ Pathology สามารถอ่านเพิ่มเติมใน Standard textbook ของแต่ละสาขาได้ นอกจากนั้น หนังสือภาษาไทยบางเล่ม ยังสามารถอ่านทดแทน textbook ได้เลย เช่น ตำราอิมมูโนวิทยา ของศิริราช สำหรับวิชาที่เป็นจุดอ่อนของนักศึกษาแพทย์และแพทย์ไทย ใน Step 1 ได้แก่ behavioral science เพราะไม่มีการเรียนการสอนในโรงเรียนแพทย์ อีกทั้งไม่มีตำราอ่านได้ทั่วไป จำเป็นต้องหาตำราเฉพาะซึ่งมีหลายเล่ม เช่นตำราของ NMS เป็นต้น
สำหรับ USMLE Step 2 หรือ Clinical science นั้นการเตรียมตัวอาจจะไม่ลำบากและยุ่งยากเท่า Step 1 เพราะเนื้อหาเป็นเนื้อหาวิชาที่นักศึกษาแพทย์และแพทย์คุ้นเคยกันดี อย่างไรก็ตาม การเตรียมตัวสอบก็ยังมีความจำเป็น และตำราที่ใช้เรียนไม่ว่าจะเป็นตำราภาษาไทยและ textbook ก็สามารถใช้ได้ดี แต่เช่นเดียวกันกับ Step 1 คือมีบางวิชาที่เป็นจุดอ่อนของนักศึกษาแพทย์และแพทย์ไทย นั่นคือ community medicine และ psychiatry เนื่องจากวิชาแรกนั้นเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับระบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น