วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

บทที่ 6 เดินทางไปสัมภาษณ์ ( Manop Pithukpakorn, MD )

ช่วงที่สมัครควรเริ่มเร็วที่สุดเพื่อให้ได้ NRMP code (เป็นหมายเลขประจำตัวที่ใช้สำหรับการจัด matching) มาก่อนส่งสมัครโปรแกรมฝึกอบรมผ่าน ERAS เนื่องจากต้องกรอกข้อมูลส่วนนี้ไปด้วย โดยทั่วไปสามารถเริ่มสมัครได้ตั้งแต่เดือน มิถุนายน ค่าสมัครสำหรับปี 2003 คือ 90 เหรียญ โดยมี deadline ของการสมัครคือราวสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายน

บทที่ 6 เดินทางไปสัมภาษณ์

เมื่อสมัครโปรแกรมที่สนใจผ่าน ERAS แล้ว ศูนย์ ERAS (สำหรับแพทย์ต่างประเทศคือ ECFMG) จะเตรียมข้อมูลที่ได้มาและแจ้งไปยังโปรแกรมที่เราสมัคร โปรแกรมต่าง ๆ จะ download ข้อมูลต่าง ๆ ของเราไปพิจารณา ซึ่งเราสามารถตรวจสอบได้ว่าโปรแกรมไหนรับข้อมูลของเราไปแล้วบ้าง โดยตรวจสอบผ่าน Application document tracking system (ADTS) ทาง https://services.aamc.org/eras/adts2003

ถ้าคุณสมบัติของเราเป็นที่สนใจ โปรแกรมนั้นก็จะติดต่อเราเพื่อนัดสัมภาษณ์ สำหรับปัจจุบันนี้โปรแกรมต่าง ๆ มักนิยมติดต่อทางอีเมล ดังนั้นใครที่มีอีเมลก็จะสะดวกที่สุด สามารถนัดวันสัมภาษณ์ได้ทางอีเมลด้วย เนื่องจากการไปสัมภาษณ์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปกลับสหรัฐอเมริกา, ค่าเดินทางในประเทศ, ค่าที่พัก, ค่าอาหาร และอื่น ๆ อีกจิปาถะ รวมทั้งต้องเสียเวลา (ทั่วไปราว 3 สัปดาห์) ในการเดินทางไปด้วย

ดังนั้นผู้สมัครจึงต้องจัดลำดับและเตรียมแผนการเดินทางให้ดีดีเพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ตามปกติโปรแกรมต่าง ๆ จะเปิดให้มีการสัมภาษณ์ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน จนถึง ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ผู้สมัครจึงควรจะรอให้มีการนัดสัมภาษณ์ราว 3-4 แห่งเสียก่อน เพื่อประเมินเส้นทางในการเดินทางภายในประเทศว่าจะเริ่มที่เมืองใดก่อน ในวันที่เท่าใด และเดินทางไปต่อที่ใด จบที่เมืองใด เวลาของประเทศสหรัฐอเมริกาแตกต่างจากเมืองไทยมาก (12-15 ชม.) การเดินทางไปสหรัฐอเมริกาจะเกิด ‘Jet lag’ ไม่มากก็น้อยเพราะผิดเวลา ทำให้เกิดปัญหาการตื่นและหลับมาก

ดังนั้นจึงควรเดินทางไปถึงสหรัฐอเมริกาอย่างน้อย 4-5 วันก่อนวันสัมภาษณ์ที่แรกเพื่อเป็นการปรับสภาพและเตรียมตัวในการสัมภาษณ์ก่อนด้วย การเดินทางในประเทศสหรัฐอเมริกาที่สะดวกและปลอดภัยที่สุดคือ การเดินทางโดยเครื่องบิน เนื่องจากประเทศสหรัฐเป็นประเทศที่ใหญ่โตมาก และส่วนใหญ่โปรแกรมที่สัมภาษณ์มักอยู่ต่างเมืองในต่างรัฐกัน การเดินทางโดยรถประจำทาง (Grayhound) จะใช้เวลามาก (ระหว่างรัฐที่ติดกันอาจต้องเดินทางถึง 8 ชม.) ทำให้เหน็ดเหนื่อยมาก อีกทั้งสถานีรถประจำทางมักจะอยู่ใน downtown ซึ่งอาจเป็นสถานที่เสื่อมโทรมและอันตราย การเดินทางหลังสัมภาษณ์เสร็จ มักเป็นเวลาบ่ายหรือเย็น จะไม่ปลอดภัยนัก (เนื่องจากช่วงเวลาที่สัมภาษณ์จะอยู่ในฤดูหนาว ที่สหรัฐอเมริกาจะค่ำเร็วมาก หลัง 17.00 น.จะมืดแล้ว)

สำหรับการเดินทางโดยเครื่องบินนั้น การซื้อตั๋วเครื่องบินภายในประเทศไปพร้อมกับตั๋วระหว่างประเทศนั้น มักจะได้ราคาพิเศษกว่าการซื้อตั๋วเครื่องบินในประเทศสหรัฐเองด้วย เมื่อทราบวันที่สัมภาษณ์ในแต่ละโปรแกรมและแต่ละเมืองแล้ว ควรเลือกซื้อตั๋วเครื่องบินที่กำหนดวันจะได้ราคาถูกกว่าไม่ระบุวันเดินทาง และตั๋วเครื่องบินในประเทศควรเลือกเที่ยวบินราว 18.00 น.ไปแล้วเพราะตารางสัมภาษณ์ส่วนใหญ่มักเสร็จสิ้นราว 15.00 น. จะได้มีเวลาในการเดินทางและการ check-in ที่สนามบินได้ทัน ปกติการเดินทางสัมภาษณ์นั้นเพื่อความสะดวกและแน่นอน ควรกำหนดวันสัมภาษณ์ของโปรแกรมแต่ละแห่งห่างกันราว 2-3 วันเป็นอย่างน้อย เผื่อเวลาสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น เที่ยวบิน delay หรือหยุดบินเนื่องจากพายุหิมะ (เกิดขึ้นได้บ่อยเนื่องจากเป็นฤดูหนาว), หลงเส้นทางกรณีเดินทางโดยรถ, กระเป๋าเดินทางสูญหาย เป็นต้น

ที่พักในการสัมภาษณ์นั้น บางโปรแกรม (โดยมากมักเป็น University program) อาจจัดหอพักให้อาศัยฟรี, บางโปรแกรมอาจจัดโรงแรมใกล้ ๆ ให้ ส่วนใหญ่ผู้สมัครต้องเสียค่าใช้จ่ายเองซึ่งมักเป็นราคาพิเศษ แต่บางโปรแกรมอาจออกค่าโรงแรมให้ด้วย 1 คืนก่อนสัมภาษณ์

ข้อแนะนำในการเดินทางไปสัมภาษณ์

1. เดินทางโดยเครื่องบินจะสะดวกและปลอดภัยที่สุด ค่าโดยสารอาจสูงกว่าการเดินทางด้วยวิธีอื่นแต่ไม่มากนัก ใช้เวลาเดินทางน้อย ไม่เหนื่อย

2. เลือกที่นั่งติดทางเดิน (Aisle seat) จะสะดวกในการเข้าออกมากกว่าที่นั่งติดหน้าต่าง (window seat)

3. ในการโดยสารเครื่องบิน ควรจัดกระเป๋าให้มีกระเป๋าเล็กอย่างน้อย 1 ใบที่นำติดตัวขึ้นเครื่องไปด้วยโดยไม่ใส่ใน cargo ใต้ท้องเครื่องบิน ภายในจัดชุดสูท และเสื้อผ้า 1 ชุด เอกสารสำคัญและจำเป็นในการเดินทางและสัมภาษณ์ รวมทั้งเงินในกระเป๋าใบนี้ เผื่อเกิดเหตุกรณีกระเป๋าใหญ่สูญหายหรือหลงไปยังเครื่องบินอื่น เพื่อไม่เป็นอุปสรรคต่อการสัมภาษณ์

4. ศึกษาเส้นทางเดินทางโดยรวม เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการเดินทาง ไม่ให้เสียเวลาและค่าโดยสาร

5. หลีกเลี่ยงการเดินทางใน downtown ในช่วงเย็นหรือค่ำ ถ้าไม่แน่ใจ เนื่องจากมักมีแหล่งเสื่อมโทรม และอาชญากรรม ถ้าจำเป็นต้องเดินทางผ่านบริเวณดังกล่าว ควรใช้บริการ taxi

6. ก่อนเดินทางควรตรวจสอบ หรือสอบถามรายละเอียดว่ามีแพทย์ไทยฝึกอบรมในเมืองนั้นหรือไม่ เพราะรุ่นพี่ (ไม่จำกัดสถาบัน) จะให้ข้อมูลกับผู้สมัครได้ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง, ที่พัก, รายละเอียดของเมือง, รายละเอียดของโปรแกรม พี่ ๆ ส่วนใหญ่ใจดีมาก บางทีอาจได้พักกับรุ่นพี่ (ประหยัดค่าที่พักและอาหาร) และ/หรือ ได้รุ่นพี่ไปรับไปส่งด้วย

7. ปัจจุบันมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับเมืองที่จะเดินทางไปสัมภาษณ์ในอินเทอร์เน็ต ผู้สมัครสามารถหาดูได้ละเอียดแม้กระทั่งตำแหน่งของสถานที่ที่ต้องการในแผนที่ วิธีการเดินทาง ฯลฯ ข้อมูลในเวบไซท์ที่เป็นที่นิยมเช่น www.mapquest.com เป็นต้น


ข้อความคัดลอกมาจาก
Manop Pithukpakorn, MD Faculty of Medicine - Siriraj Hospital Medical Staff - Internal Medicine Thaiclinic.com
ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้

ไม่มีความคิดเห็น: